Search

Aunyawan's Blog

Category

Poetry

ปริมาณของความรัก

มันไม่เหมือนก่อน
ผ้าที่เปื้อนฝุ่นมันสกปรก
จานชามที่เราสุมเอาไว้ในซิงค์
มันค่อยๆ พอกพูน
จากหนึ่ง..เป็นสอง สาม และสี่

มันไม่เหมือนก่อน
ดอกไม้บนต้นเคยหุบ
แต่วันหนึ่งมันก็บานออก
สวย…
และสุดท้ายก็เหี่ยวเฉา
ร่วงหล่นไป

มันไม่เหมือนก่อน
เพลงที่เราเปิดวน
ด้วยใจที่ชอบมากๆ
ด้วยความรู้สึกที่เบ่งบานและตื่นเต้น
ทุกครั้งที่ได้ยิน
แต่แล้วเราก็เบื่อได้
ถ้าทำนองยังคงวนซ้ำ
อยู่อย่างนั้น

มันไม่เหมือนก่อน
ฟ้าที่มีน้ำฝน
บางทีมันก็มีพายุ
และบางทีมันก็ว่างเปล่า
เหลือแต่ก้อนเมฆบางๆ
ประปราย
ไม่เหลือแม้แต่นกบินผ่าน

มันไม่เหมือนก่อน
ความรู้สึก รัก
ความรู้สึก คิดถึง
ความรู้สึก ห่วงใย
ความรู้สึกอะไรต่อมิอะไร
อีกสารพัด
วันหนึ่งมันอาจเต็มเปี่ยม
อีกวันหนึ่งมันอาจจะล้น
และอีกวันหนึ่ง…มันอาจจะไม่เหลืออะไรเลย
มันเปลี่ยนแปลงได้
เปลี่ยนได้ทั้งนั้น

บทกวีนี้ชื่อ “ปริมาณของความรัก”
อัญวรรณ ทองบุญรอด 12.04.16 // 22.12

Toute la lyre

Je travaille

ฉันทำงาน

 Image

Amis, je me remets à travailler ; j’ai pris

เพื่อนเอย ฉันเริ่มต้นทำงาน           
Du papier sur ma table, une plume, et j’écris ;

ฉันหยิบกระดาษวางบนโต๊ะ ปากกาขนนก และฉันขีดเขียน
J’écris des vers, j’écris de la prose ; je songe.

ฉันเขียนร้อยกรอง ฉันเขียนร้อยแก้ว ฉันนั่งนึกฝัน

Je fais ce que je puis pour m’ôter du mensonge,

ฉันทำสิ่งซึ่งสามารถพาตัวเองให้พ้นจากความหลอกลวง
Du mal, de l’égoïsme et de l’erreur ; j’entends

ความเจ็บปวด ความเห็นแก่ตัว และความผิดพลาด
Bruire en moi le gouffre obscur des mots flottants ;

ฉันได้ยินเสียงกระซิบภายใน ถึงถ้อยคำที่ล่องลอยคว้างกลางห้วงเหวมืดมิด

Je travaille.

ฉันทำงาน

 

 

ตัดตอนมาจาก “Toute la lyre“ ผลงานรวมบทกวีภาษาฝรั่งเศสของ วิคตอร์ อูโก (1802-1885)

แปลโดย อัญวรรณ ทองบุญรอด

Silent Mode from Seto Masato

Going through the underground joggling in the train,

If I switch my compact camera to “silent mode”,

in her presence 60cm, the shortest distance can be said an inside of person’s mind,

on the surface of a strange woman’s face, a sensor irradiates an infrared light,

the lens works silently, the shutter comes down.

All motions are unnoticed by anyone, as if there were nothing happened,

a coquettish face of a woman, only the surface of the skin becomes more vivid,

I feel it to project in my hands holding the cameras.

The full summer train, is running in the strong sunshine.

There is nowhere to go importantly,

sometimes I change from the inner tracks to the outer tracks of Yamanote Line round and round in the circle,

even if I don’t change the train, the loop line returns to the same place,

seems can go everywhere and nowhere.

A person in my presence, might be on the way to go to somewhere by some reasons,

seems has nothing to do except reading a book or sleeping,

while joggling a station to two stations,

comes into her own blank world.

She can not notice the camera in her presence any longer, the eyes are just open.

Expressionless, the most beautiful and real face of them,

only a red eye of a sensor is looking them in my wet hands.

Seto Masato

ผึ้งน้อยกับหอยทาก

เรื่อง: อัญวรรณ ทองบุญรอด

ผึ้งน้อยบินวนในสวน

มันตั้งคำถามกับตัวเอง

ระยะทางเท่าไร

ขยับปีกกี่ครั้ง

อยู่สูงจากพื้นดินกี่เมตร

อยู่ต่ำจากผืนฟ้ากี่แสนล้านไมล์

ต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะไปถึงพระอาทิตย์

หอยทากขยับทีละนิด

หวังเข้าใกล้เพียงเสี้ยวแสงอุ่นๆ ของพระอาทิตย์

ที่ทอดยาวลงมาใต้ต้นมะม่วง

ใบกล้วยโบกสะบัดล้อลม

หอยทากขยับทีละนิด

โดยไม่คิดถึงความหมายของคำว่าไกล ช้า เร็ว

ผึ้งน้อยส่งเสียงหึ่งๆ

มันกระพือปีกให้แรงขึ้น

หวังบินให้สูงขึ้น

หวังไปให้เร็วและไกลขึ้น

ทว่าความรุนแรงทำให้มันปีกขาดและร่วงดิ่งสู่พื้น

ขณะที่หอยทากนอนยืดกายสบายใจมองท้องฟ้า

แม้ว่าตัวจะอยู่บนพื้นดิน

กางเกงในโพลก้าด็อทของฉัน

เสียงจ้อกแจ้กกับกลิ่นของความชื้น

แม่ตะโกนบอกลูกสาว

เก็บผ้าไปเข้าตากในบ้าน

หญิงชายถือร่มเดินซึมกะทือผ่านไป

เหลือบตามองกางเกงในลายโพลก้าด็อทตกพื้น

ขณะที่ลมแรงกำลังพัดมันปลิวไปทีละนิด

เธอยิ้มมุมปากแล้วจากไป

เมฆจับกลุ่มกันเหนียวแน่น

กลายเป็นฟ้าสีเทากว้างใหญ่ราวกับผืนพรมนุ่ม

หมาหูตกตาละห้อย

หาวนอนกว้างๆ แล้วผลอยหลับ

ข่าวโทรทัศน์ทำนายเหตุการณ์โลกแตก

นาซากำลังเร่งมือประดิษฐ์ยานอวกาศ

พวกเขาจะขนย้ายมนุษย์ไปยังดาวดวงใหม่

คนบางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด

คนที่ไม่รอดต้องตายกับน้ำท่วม

รองเท้าบู้ท เสื้อชูชีพ กระสอบทราย และเรือยาง

คือสิ่งจำเป็นสำหรับปี 2012

ลูกสาวซึมกะทือผมเผ้ายุ่งเหยิง

รับคำแม่แล้วออกมาเก็บผ้า

นึกในใจโชคดีแค่ไหนบ้านของฉันน้ำไม่ท่วม

บ้านฉันสูงกว่าถนน

บ้านฉันมีดาดฟ้า

แต่ลืมนึกไปว่ากางเกงในโพลก้าด็อทของฉันหายไป

โลกที่ไม่มีวันตื่น

ฉันตื่นจากความฝันประหลาด

ผีเสื้อนับพันโบยบินออกจากกองขยะ

รถทหารบีบแตรส่งเสียงแต่ไกล

ศิลปินพร่ำเขียนบทกวี

แต่ไม่มีใครอ่าน

ถนนขาดวิ่นราวกับผ้าขี้ริ้ว

หญ้าต้นเล็กๆ เติบโตบนหลังคาบ้าน

แสงอาทิตย์สาดส่องขึ้นจากพื้นดินเบื้องลึก

ดวงดาวกลับหัวแลเจิดจ้าเข้าตัวเอง

ไม่มีใครสนใจกัน

แม้น้ำตาเด็กน้อยจะร่วงหล่นจนกลายเป็นน้ำเน่า

ไม่มีใครสนใจกัน

แม้หยดเลือดจะแดงฉานบนพื้นห้อง

เสียงปืนกลับยังรัวระงมโดยไม่มีความแตกตื่น

โลกที่มีแต่นกพิราบนอนตาย

โลกที่มีแต่เศษดินเศษทราย

ขอให้เป็นเพียงโลกในความฝัน

โลกที่ฉัน…จะไม่มีวันตื่น

ความเงียบระหว่างเรา

ความเงียบล่องลอยมาตามสายโทรศัพท์

เธอกับฉันต่างเงียบงันไม่พูดอะไร

ราวกับความมืดในห้องเปล่า

ห้องที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ

บทสนทนากับคำพูดและเสียงหัวเราะหายไป

เราต่างไม่เชื่อในกันและกัน

เราไม่ไว้ใจ

เราขาดความเชื่อใจ

ความเงียบที่กั้นกลางมองฉันด้วยสายตาเฉยชา

เธอกับฉันห่างกันทั้งที่ยังใกล้

มวลอากาศที่กางกั้นบอกฉันว่าสถานะเรากำลังจะเปลี่ยนในไม่ช้า

แท้จริงเธอเป็นคนเช่นไร

แล้วฉันเองเป็นคนเช่นไร

เรารู้จักกันมากน้อยแค่ไหน

ละครหลายฉากย้อนกลับมาเปิดในหัวสมองสีซีเปีย

อดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่ทับซ้อน

จะมีประโยชน์อันใดหากวันเวลาต่อไปฉันจะไม่มีเธอ

เสียงดนตรีที่หวานกลมกล่อมราวกับน้ำสตรอเบอรี่หวานๆ

โรยราดบนขนมเค้กนุ่มๆ

จะไม่ใช่ความทรงจำของเราอีกแล้ว

พระจันทร์บนฟ้าสีเหลืองนวล

ความรักของเราแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบที่ดังก้อง

ดังก้อง…ในใจเราทั้งคู่

น้ำท่วมหมู่บ้านของฉัน

ฉันอยู่ในบ้าน

ฉันมีกระสอบทราย

ฉันมีเจ็ตสกี

ฉันมีเรือยาง

ฉันมีมาม่า

ฉันมีชาเขียวอิชิตัน

ฉันมีรถออฟโรด 4X4

ฉันมีพนังกั้นน้ำส่วนตัว

ฉันมียาทาแก้ปากเท้าเปื่อย

ฉันมีตู้เย็น อาหารสด และเตาแก๊สสำหรับปรุงอาหารที่ชั้น 2

ฉันมีผลมะเดื่อไว้กินเล่น

ฉันมีโทรศัพท์มือถือที่ชาร์ตแบตไว้เต็มที่

ฉันมีผ้าอนามัยหลายโหล

ฉันมียาฉีดกันยุงและมด

ฉันมียันต์กันงูเห่า

ฉันมีเทียนและไม้ขีดไฟ

ฉันมีสุขาลอยน้ำ

ฉันมีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นในยามน้ำท่วม

แต่ฉัน…ไม่มีเพื่อนบ้านสักคน

Kisetsu

ฤดูใบไม้ผลิ

จิตใจชูช่อ

เบิกบาน

วัชพืชที่เคยน่ารำคาญ

กลายเป็นพรมสีเขียวผืนกว้าง

เหมือนท้องฟ้าสีสดกว่าเดิม

สายลม พัดโบก

ต้นไม้เอนไหว

คล้อยตามเสียงวิทยุ

เหมือนจะมีแต่เพลงรัก

‘เธอเป็นคนพิเศษ ไม่ใช่แค่คนคนหนึ่ง’

 

ฤดูร้อน

แดดจัดกลางเมืองโลมเลีย

ต้นไม้ซีดจาง

ดูดควันพิษ

ว้าเหว่

อิจฉาต้นไม้ในป่าใหญ่

ไม่เคยถูกจัดวาง

อิสระ

‘คำบางคำจำกัดได้เพียงสถานะ หากจำกัดมิได้ถึงความรู้สึก’

 

ฤดูใบไม้ร่วง

เหงา…เงียบ

หยุด

ทบทวน ไตร่ตรอง

สิ่งที่ทำอยู่นั้นเพื่ออะไร

รอคอยท่ามกลางความเนิ่นนาน

เข็มสั้น เข็มยาว

หมุนผ่านตัวเลขบนหน้าปัด

ทีละวินาที…ทีละวินาที

ใบไม้สีน้ำตาลร่วงหล่น

หยดน้ำจากความรู้สึกภายใน

กลั่นตัว

และร่วงหล่นเฉกเช่นกัน

‘ถ้ามันจะใช่ ก็คงใช่เองในสักวัน’

 

ฤดูหนาว

ยะเยือก

บทเพลงแห่งความคิดถึง

มากมาย

อากาศเย็น

ผิวหนังชา

จนลืมความรู้สึกบางอย่าง

แต่กลับไม่เพียงพอจะลืมความรู้สึก…นั้น

หมู่นกบินผ่านหน้าต่างบานเดิม

อาจเป็นฝูงสุดท้ายของวันนี้

ที่กำลังบินกลับบ้าน

‘คนเรามีความรักให้คนได้เพียงทีละคน’

Create a free website or blog at WordPress.com.

Up ↑